
เจ้าของธุรกิจจำนวนมากในไทยมักมีคำถามว่า “ควรเลือกทำ Google Ads หรือทำ SEO ถึงจะคุ้มกว่า?” เพราะทั้งสองวิธีต่างก็ช่วยให้ธุรกิจติดหน้าแรก Google ได้เหมือนกัน แต่ความต่างอยู่ที่ ค่าใช้จ่าย, ความเร็วในการเห็นผล และความยั่งยืนระยะยาว
ในบทความนี้ เราจะมาเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของ Google Ads vs SEO ในบริบทของตลาดไทย เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกวิธีที่เหมาะกับธุรกิจของคุณมากที่สุด (ในมุมมองของคนที่ทำโฆษณาใช้เงินไปแล้วเจ็ดหลักและคนที่ก็ทำ SEO มาแล้วมากกว่า 10 ปี)
Google Ads ให้ผลลัพธ์เร็วและเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการลูกค้าทันที แต่ค่าใช้จ่ายสูงและหยุดจ่ายเมื่อไหร่โฆษณาก็หาย ส่วน SEO ใช้เวลานานกว่า แต่ให้ผลลัพธ์ยั่งยืน ลูกค้าเชื่อถือมากกว่า และ CPL ระยะยาวถูกกว่า สุดท้ายแล้ว ขึ้นอยู่กับ Keyword Search Volume และการแข่งขันในตลาด ว่าวิธีไหนคุ้มกว่า หรืออาจใช้ Ads + SEO ควบคู่กันเพื่อได้ทั้งระยะสั้นและระยะยาว
Google Ads คืออะไร?
Google Ads คือการซื้อโฆษณาแบบ Pay-per-Click (PPC) ที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏบนหน้าแรกทันที เมื่อมีคนค้นหาคำที่คุณเลือก คุณจ่ายเงินก็ต่อเมื่อมีคนคลิกเข้ามาที่เว็บไซต์
ข้อดีของ Google Ads
- เห็นผลเร็ว ติดหน้าแรกได้ทันที
- เลือก Target Audience ได้ละเอียด (เช่น Location, เวลา, Keyword)
- เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการลูกค้าทันที เช่น โปรโมชั่น, เปิดตัวสินค้า, ร้านใหม่
ข้อเสียของ Google Ads
- ค่าโฆษณาในไทยแพงขึ้นเรื่อย ๆ (CPC บางอุตสาหกรรม 50–200+ บาท/คลิก)
- หยุดจ่าย = หายจากหน้าแรกทันที
- ลูกค้าบางส่วนไม่เชื่อถือ Ads เท่า Organic
SEO คืออะไร?
SEO (Search Engine Optimization) คือการปรับปรุงเว็บไซต์และสร้างคอนเทนต์ เพื่อให้ติดอันดับบน Google แบบ Organic โดยไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณาต่อคลิก (อ่านเพิ่มได้ในบทความ SEO คืออะไร)
ข้อดีของ SEO
- ผลลัพธ์ยั่งยืน ติดอันดับแล้วได้ลูกค้าต่อเนื่อง
- CPL (Cost per Lead) ระยะยาวถูกกว่า Ads มาก
- ลูกค้าเชื่อถือเว็บไซต์ที่ติดอันดับ Organic มากกว่า
ข้อเสียของ SEO
- ใช้เวลา 3–6 เดือนกว่าจะเห็นผลชัดเจน
- ต้องมีการสร้าง Content และทำ Technical SEO อย่างต่อเนื่อง
- แข่งกับเว็บไซต์ที่ทำ SEO มาก่อนแล้ว
ตารางเปรียบเทียบ Google Ads vs SEO (ในไทย)
| ปัจจัย | Google Ads | SEO |
|---|---|---|
| ค่าใช้จ่าย | CPC เฉลี่ยในไทย 50–200+ บาท/คลิก แข่งสูง = แพงขึ้น | ลงทุน 20k–40k/เดือน แต่ CPL ถูกลงเรื่อย ๆ (50–150 บาท/Lead) |
| ความเร็วในการเห็นผล | ทันทีที่จ่ายเงิน | ใช้เวลา 3–6 เดือน |
| ความน่าเชื่อถือ (Trust) | ลูกค้ารู้ว่าเป็น Ads → เชื่อถือน้อยกว่า | Organic ติดอันดับ = Trust สูงกว่า |
| ระยะยาว | หยุดจ่าย = หายทันที | ติดอันดับแล้วอยู่ได้นาน |
| การขยายผล (Scalability) | งบเพิ่ม = Traffic เพิ่ม แต่ CPL ไม่ได้ถูกลง | เมื่ออันดับมั่นคง → Traffic ฟรีต่อเนื่อง |
| เหมาะกับใคร | ธุรกิจเปิดใหม่, ต้องการลูกค้าด่วน | ธุรกิจที่ต้องการเติบโตยั่งยืน, โรงงาน, B2B |
ช่องทางบน Google ขึ้นอยู่กับ Keyword และ คู่แข่ง
การเลือก Ads หรือ SEO ไม่ได้มีสูตรตายตัว แต่ขึ้นกับ Keyword และระดับการแข่งขัน
ถ้า Keyword เป็น Longtail เจาะกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น “OEM automotive parts Thailand” หรือ “โรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์เพื่อส่งออก” → SEO จะคุ้มค่ากว่า เพราะคู่แข่งน้อย และ Intent ของผู้ค้นหาชัดเจน
ถ้า Keyword มี Search Volume สูง และคู่แข่งยิง Ads กันเยอะ เช่น “ประกันสุขภาพ”, “SEO Agency” → ค่า CPC จะแพงมาก ทำให้ ROI ของ Google Ads ต่ำ
ผมอยากให้มองว่า Google Ads คือการตลาดเชิงรุกเหมาะกับการพุ่งไปเร็วๆช่วงแรก และ SEO คือการตลาดเชิงรับที่เอาไว้เก็บส่วนที่เหลือได้ โดยรวมแล้วถ้าเป็นคำค้นหาที่คู่แข่งเค้าทำโฆษณากันเยอะ ผมคิดว่าทำ SEO ให้เก่งแค่ไหนก็ไม่สามารถไปเอาชนะระบบทุนนิยมของ Google ได้หรอกครับ เพราะ Google ให้ priority กับโฆษณาก่อนอยู่แล้ว เพียงแค่มีคนทำโฆษณา 5 คน อันดับของเราแบบ SEO ก็จะตกมาเป็นอันดับที่ 6 ทันที
แต่ในทางตรงข้าม ผมก็เคยทำ Google Ads ไปด้วยและการทำ SEO ไปด้วยเ พื่อเก็บทั้งคำค้นหาที่จัดอันดับ SEO เองได้ยากผ่านการใช้ Ads แทน และ ใช้ Google SEO เพื่อลดต้นทุนในการหาลูกค้าหนึ่งคน เพราะเราวิเคราะห์แล้วว่า Cost Per Lead จากการหาลูกค้าหนึ่งคนจากบาง keyword นั้นไม่คุ้มในการทำ Ads (แน่นอนว่าต้องมีการติด tag manager และ วัดผลที่ชัดเจนถึงจะสามารถตัดสินใจได้)
สรุป: Google Ads หรือ SEO แบบไหนคุ้มกว่า?
- ต้องการผลลัพธ์เร็ว → เริ่มจาก Google Ads
- ต้องการ ROI ระยะยาว และสร้าง Trust → SEO คือทางเลือกที่ใช่
- และสำหรับหลายธุรกิจ → การทำ Ads + SEO ควบคู่กัน คือวิธีที่ดีที่สุด: Ads ปิด Gap ช่วงแรก, SEO สร้างฐานลูกค้าถาวร
ผมทำ SEO และ Ads มากว่า 10 ปี และก็เคยดูแลมาแล้วหลากหลายเว็บไซต์มาก ผมเชื่อว่าการเลือกช่องทางที่เหมาะกับเราไม่ใช่สิ่งที่ตัดสินได้ทีเดียว วันเดียว แต่อาจจะต้องทดลองทำและเอา data มาวัดผลกันจริงๆว่าต้นทุนในการหาลูกค้าของเรานั้น ‘คุ้มหรือไม่คุ้ม’
ไม่ว่าจะเป็น Google Ads หรือ SEO ทั้งสองต่างก็มีบทบาทสำคัญในการทำการตลาดออนไลน์ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายของธุรกิจ งบประมาณ และระดับการแข่งขันของ Keyword ที่คุณเลือก แต่สิ่งที่ชัดเจนคือ หากคุณวางแผนอย่างมีกลยุทธ์และเลือกวิธีที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ ไม่ว่าจะเริ่มจาก Ads เพื่อผลลัพธ์เร็ว หรือใช้ SEO เพื่อสร้างความยั่งยืนระยะยาว คุณก็สามารถเปลี่ยน Google ให้เป็นแหล่งลูกค้าหลักได้อย่างต่อเนื่อง หากคุณต้องการคำแนะนำที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ → ติดต่อ TWN Digital เพื่อปรึกษาฟรีได้เลย

เจ้าของบริษัทไทย วินเนอร์ ดิจิทัล จำกัด ชอบอ่านหนังสือและข่าวธุรกิจทั้งในไทยและนอกประเทศ พออ่านมาเยอะก็เลยอยากนำความรู้มาแบ่งปัน