TWN Digital

Keyword Difficulty คืออะไร เข้าใจความยาก Keyword สำหรับ SEO

เราจะมาอธิบายว่า Keyword Difficulty คืออะไร วัดจากอะไร ค่าความยาก Keyword ต่างๆ ดูอย่างไร สำคัญอย่างไรกับการทำ SEO

Keyword Difficulty คืออะไร

การวิเคราะห์ Keyword เป็นกระบวนการหนึ่งที่สำคัญมากครับสำหรับการทำ SEO เพราะ Keyword เป็นเหมือนหัวใจของ SEO เลยก็ว่าได้โดยเฉพาะการทำ On-Page เพื่อให้เว็บไซต์ของเราสามารถจัดอันดับได้อย่างมีประสิทธิภาพ การวิเคราะห์หรือการทำรีเสิร์ช Keyword กระบวนการหนึ่งที่สำคัญมากนั่นก็คือการวิเคราะห์ความยากของ Keyword หรือ Keyword Difficulty ซึ่งหลายคนเห็นแล้วอาจจะยังมีความสับสน เรา TWN Digital จะมาอธิบายว่ามันคืออะไร วัดจากอะไร ค่าความยาก Keyword ต่างๆ ดูอย่างไร สำคัญอย่างไรกับการทำ SEO พร้อมอธิบายแนะนำเครื่องมือวิเคราะห์

Keyword Difficulty คืออะไร

Keyword Difficulty (KD) คือความยากของ Keyword เป็นตัวเลขในการชี้วัดอย่างหนึ่งว่า Keyword นั้นๆ มีการแข่งขันสูงหรือมีการแข่งขันต่ำ (ยิ่งตัวเลขสูงก็ยิ่งมีการแข่งขันสูง ยิ่งตัวเลขต่ำก็ยิ่งมีการแข่งขันต่ำ) และ Keyword นั้นๆ ที่เราทำ จะมีโอกาสติดอันดับบน Search Engine ได้มากน้อยแค่ไหน

KD ถือเป็นเครื่องมือหนึ่งในการทำ Keyword research ช่วยในการเลือก Keyword สำหรับการใช้คำ ๆ นั้นบนเว็บไซต์ ช่วยวางแผนกลยุทธ์การทำ SEO และช่วยประเมินคู่แข่งที่ใช้ Keyword เดียวกันได้เช่นกันครับ

Keyword Difficulty วัดจากอะไร

ในความเป็นจริง การวัดค่า Keyword Difficulty นั้นจะมีอยู่หลายปัจจัย และแต่ละเครื่องมือก็อาจมีค่า KD ที่แตกต่างกันออกไป โดยทั่วไปแล้ว ค่า KD จะมีการวัดโดยปัจจัยต่างๆ ดังนี้

Search Volume หรือปริมาณการค้นหา ยิ่งมีปริมาณ Search Volume สูง ก็จะยิ่งมีค่า KD สูงตามด้วยเช่นกัน

Domain Authority (DA) เป็นค่าความแข็งแร็งของ Domain เว็บไซต์ หากเว็บไซต์ที่ติดการจัดอันดับใน Keyword นั้นๆ ก็จะทำให้ค่า KD สูงขึ้นได้

Backlink ของหน้าเว็บไซต์ในอันดับต้นๆ จำนวนและคุณภาพของ Backlink ของเว็บไซต์ที่ติดอันดับต้นๆ ยิ่งเว็บในหน้าแรกมีเยอะและมีคุณภาพ ก็จะทำให้ KD สูงด้วย

Search Intent คือเจตนาของผู้ค้นหา ยิ่งผู้ทำ SEO เข้าใจเจตนาของผู้ค้นหามากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ถ้าผลลัพธ์ในเว็บไซต์ที่ติดอันดับต้นๆ ตอบโจทย์ตามเจตนาของผู้ค้นหามากเท่าไหร่ ก็อาจมีส่วนทำให้ค่า KD สูงขึ้นด้วย

ค่า Keyword Difficulty ดูอย่างไร

อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ เลย คือค่า Keyword Difficulty (บางเครื่องมืออาจใช้คำว่า SEO Difficulty หรือ SD เช่น Ubersuggest) มักจะเป็นตัวเลข 0-100 หรืออาจมีแถบสีแสดงความยากร่วมด้วยเพื่อให้เข้าใจง่าย ยิ่งตัวเลขสูงมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งยาก ยกตัวอย่างเช่น 0-40 คือง่าย (มักจะมีแถบสีเขียวร่วมด้วย) 60-100 คือยาก (มักจะมีแถบสีเหลือง ส้ม ไปจนถึงแดง) ซึ่งเป็นตัวช่วยในการทำ SEO ได้เป็นอย่างดี

ค่า KDความยากโดยประมาณคำอธิบาย
0–20ง่ายมากเว็บไซต์ใหม่อาจติดอันดับได้ง่ายกว่า
21–40ง่ายถึงปานกลางมีการแข่งขันบ้างแต่ยังไหว
41–60ปานกลางถึงยากต้องใช้ SEO ที่ดีและเนื้อหาคุณภาพสูง
61–80ยากต้องมี Domain Authority สูง เว็บใหม่แข่งยาก
81–100ยากมากเว็บใหญ่ระดับประเทศเท่านั้นที่แข่งได้

Keyword Difficulty สำคัญกับการทำ SEO อย่างไร

การเข้าใจ Keyword Difficulty จะสำคัญกับการทำ SEO อย่างมากเลยก็ว่าได้ครับ แล้วมันสำคัญอย่างไร? ดังนี้ครับ

1. เป็นตัวช่วยเลือก Keyword ให้เหมาะกับเว็บไซต์ ป้องกันไม่ให้เลือกผิด Keyword

การเข้าใจ KD จะช่วยให้เราเลือก Keyword ที่เหมาะกับเว็บไซต์ หากเว็บไซต์ยังไม่มี Domain Authority ที่แข็งแรงพอ ก็จะต้องใช้ Keyword ที่มี KD ต่ำให้เว็บไซต์สามารถแข่งขันได้ หากเลือก Keyword ที่มี KD สูงมากเกินไปแต่เว็บไซต์ยังไม่แข็งแรงพอ ก็อาจทำให้เสียแรง เสียเวลาไปโดยไม่ได้อะไรกลับมา หรือมีโอกาสน้อยมากๆ ที่จะเข้าไปแข่งจัดอันดับกับเว็บไซต์ระดับท็อปของ Keyword นั้นๆ

หลังจากที่เลือกทำ Keyword ถูกหลักหรือมี KD ต่ำพอที่จะแข่งขันได้แล้ว เมื่อเว็บไซต์มี Domain Authority หรือมีบางหน้าที่จัดอันดับได้แล้ว ก็ค่อยๆ ขยับ Keyword ที่มี KD สูงระดับปานกลาง ยกระดับการแข่งขันของเว็บไซต์ที่ทำไปเรื่อยๆ ก็ถือว่าเป็นการทำ SEO แบบ Proactive อย่างหนึ่งที่มีประสิทธิภาพเช่นกันครับ

2. ช่วยวางแผนการทำ SEO

การรู้จัก KD จะช่วยให้เราสามารถสร้างเนื้อหาที่เหมาะสมกับเว็บไซต์ หาก KD ต่ำอาจไม่จำเป็นต้องซับซ้อน แต่ถ้าหาก KD สูงก็อาจต้องสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงให้เหนือกว่าคู่แข่ง

การทำ Backlink ในเว็บไซต์ที่มี Domain Authority น้อย ก็อาจไม่จำเป็นต้องเน้นมากหรือทำ Backlink จากแหล่งที่มาแบบทั่วไปก็อาจเพียงพอแล้ว แต่สำหรับการแข่งขันใน KD สูงๆ จะต้องสร้าง Backlink จากเว็บไซต์ที่มี Domain Authority สูงด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจมีราคาที่แพงกว่ามาก

3. ช่วยสำหรับประเมินคู่แข่ง

เมื่อเราเห็นค่า KD ของคีย์เวิร์ดหนึ่ง ก็จะสามารถคาดการณ์ได้ว่าคู่แข่งที่ติดอันดับอยู่มี Domain Authority หรือเว็บไซต์แข็งแรงแค่ไหน สิ่งนี้จะช่วยให้เราสามารถวางแผนกลยุทธ์เพื่อเอาชนะเว็บไซต์นั้นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเนื้อหาที่ดีกว่า หรือการหา Backlink ที่มีคุณภาพสูงกว่า เป็นต้น

จากประสบการณ์การทำงานด้าน SEO ที่ผมเคยทำมา การเห็นตัวเลข KD จะช่วยตัดสินใจและวางแผนกลยุทธ์การทำ SEO ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัว Keyword ด้วย ว่าเป็น Generic Keyword หรือคำค้นหาคำเดียวที่มักจะมี Search Volume เยอะ ซึ่งส่วนใหญ่จะทำให้ KD สูง กับ Long Tail Keyword ที่มักจะมี Search Volume ต่ำ และส่วนใหญ่จะมี KD ต่ำด้วยเช่นกันครับ

เครื่องมือวิเคราะห์ Keyword Difficulty  

เครื่องมือสำหรับการวิเคราะห์ Keyword Difficulty มีให้เลือกหลายเจ้าเลยครับ เราขอแนะนำเพื่อประกอบการตัดสินใจ ดังนี้ครับ

Google Keyword Planner

  • จุดเด่น: เป็นเครื่องมือฟรีจาก Google โดยตรง ข้อมูลมาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือที่สุด (Google Search) สามารถให้ข้อมูลปริมาณการค้นหา และระดับการแข่งขันได้ในช่อง Competition (High,Low) แม้ว่าจะไม่ได้ให้ค่า KD เป็นตัวเลขโดยตรงเหมือนเครื่องมือเสียเงิน แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเยี่ยมในการทำ Keyword Research
  • ข้อจำกัด: ถูกออกแบบมาเพื่อการทำ Google Ads มากกว่า SEO โดยตรง ค่า “Competitive Level” เป็นการแข่งขันในการลงโฆษณา (PPC) ไม่ใช่การแข่งขันทาง SEO โดยตรง และข้อมูลปริมาณการค้นหาอาจแสดงเป็นช่วงกว้างๆ (เช่น 1K-10K) หากคุณไม่ได้มีการรันแคมเปญ Google Ads อยู่

Ubersuggest

  • จุดเด่น: มีเวอร์ชันฟรีให้ใช้จำกัดจำนวนครั้งต่อวัน ให้ข้อมูลค่อนข้างครบถ้วน ทั้งปริมาณการค้นหา, SEO Difficulty (เป็นค่า Keyword Difficulty ของ Ubersuggest) ,Paid Difficulty, CPC, และ Keyword Ideas สามารถวิเคราะห์เว็บไซต์คู่แข่งได้ค่อนข้างดี และรองรับภาษาไทย
  • ข้อจำกัด: เวอร์ชันฟรีมีข้อจำกัดในการใช้งานค่อนข้างมาก และข้อมูลอาจไม่ละเอียดเท่าเครื่องมือเสียเงินระดับพรีเมียม

Ahrefs

  • จุดเด่น: ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือ SEO ที่ครบวงจรที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะมีฟีเจอร์ “Keyword Explorer” ที่ให้ค่า KD ที่แม่นยำสูง พร้อมข้อมูลประกอบการตัดสินใจมากมาย เช่น ปริมาณการค้นหา, จำนวน Backlink ที่จำเป็นต้องใช้เพื่อติดอันดับ, SERP Overview (หน้าผลการค้นหา) และ Keyword Ideas ที่เกี่ยวข้อง มีฐานข้อมูล Backlink ที่ใหญ่ที่สุด ทำให้การวิเคราะห์คู่แข่งทำได้ดีเยี่ยม
  • เหมาะสำหรับ: มืออาชีพ SEO, เอเจนซี่, ธุรกิจขนาดกลางถึงใหญ่ที่จริงจังกับการทำ SEO

SEMrush

  • จุดเด่น: เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือ All-in-One ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก เพราะมีฟีเจอร์ “Keyword Magic Tool” และ “Keyword Overview” ที่ให้ค่า KD พร้อมข้อมูลคู่แข่งโดยละเอียด และสามารถวิเคราะห์ “Personal Keyword Difficulty” (PKD) ที่ประเมินโอกาสในการติดอันดับของเว็บไซต์คุณโดยเฉพาะ ถือว่าดีมากสำหรับการวางแผนกลยุทธ์
  • เหมาะสำหรับ: มืออาชีพ SEO, เอเจนซี่, ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัล

Moz Pro

  • จุดเด่น: มี “Difficulty Score” พร้อม “Opportunity Score” และ “Importance Score” ช่วยให้คุณเห็นภาพรวมว่าคีย์เวิร์ดนั้นมีโอกาสสร้าง Traffic และเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจแค่ไหน Moz มีชื่อเสียงด้าน Domain Authority (DA) ซึ่งเป็น Metric สำคัญที่หลายๆ เครื่องมือนำไปใช้ในการคำนวณ
  • เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการแข่งขันและความเป็นไปได้ในการจัดอันดับ

ความยากของ Keyword ยิ่งรู้ ยิ่งวิเคราะห์ SEO เว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น

Keyword Difficulty เป็นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับความยากง่ายของ Keyword นั้นๆ ยิ่งเรารู้ว่าเว็บไซต์ที่เรากำลังวิเคราะห์อยู่ว่าควรจะต้องใช้ Keyword ที่มี KD แบบไหน ก็จะช่วยให้เราสามารถวางกลยุทธ์การทำ SEO ได้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถไต่ระดับความยากของ KD ขึ้นไปได้เรื่อยๆ เช่นกันครับ

เรา TWN Digital เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการทำ SEO ที่เข้าใจรูปแบบธุรกิจที่หลากหลายของลูกค้า ซึ่งเราเองมีความเชี่ยวชาญและผ่านประสบการณ์การบริการ SEO อย่างหลากหลายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นคลินิกเสริมความงาม อาหารเสริม เครื่องมือวิทยาศาสตร์ เครื่องมืออุตสาหกรรม อุตสาหกรรมเหล็ก บริการทางการแพทย์ และธุรกิจอีกหลายรูปแบบ หากสนใจอยากให้เราวิเคราะห์เว็บไซต์ของคุณ สามารถติดต่อได้โดยการ คลิกที่นี่ หรือกรอกแบบฟอร์มข้างล่างนี้ได้เลยครับ

Picture of ไทเกอร์ - ธเนตร์ตรี รัตนเรืองยศ
ไทเกอร์ - ธเนตร์ตรี รัตนเรืองยศ

เจ้าของบริษัทไทย วินเนอร์ ดิจิทัล จำกัด ชอบอ่านหนังสือและข่าวธุรกิจทั้งในไทยและนอกประเทศ พออ่านมาเยอะก็เลยอยากนำความรู้มาแบ่งปัน