ไม่ว่าจะเป็นสตาร์ทอัพ ธุรกิจ SME รวมถึงธุรกิจท้องถิ่นประจำพื้นที่ การทำธุรกิจที่ว่านี้ เรื่องของงบการตลาดอาจจะมีไม่มากถึงขนาดที่สามารถจ้างทีมการตลาดเหมือนกับธุรกิจขนาดใหญ่หรือธุรกิจที่มีงบสูงได้ อย่างไรก็ตาม ผมขอแนะนำวิธีหนึ่งที่จะสามารถดันธุรกิจของเราให้เป็นที่รู้จักหรือสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะที่ใกล้เคียงได้ นั่นก็คือการทำ SEO ซึ่ง รูปแบบการทำ SEO รูปแบบหนึ่งที่จะมาอธิบายในบทความนี้คือการทำ Local SEO หรือการทำ SEO ท้องถิ่นเฉพาะที่ แล้ว Local SEO คือ? มีประโยชน์กับธุรกิจท้องถิ่นขนาดเล็กอย่างไรบ้าง เรามีตัวอย่างให้ดูพร้อมเทคนิคการทำ SEO สำหรับธุรกิจท้องถิ่นขนาดเล็กฉบับเข้าใจง่าย
Local SEO คือ?
Local SEO คือ กลยุทธ์การตลาดออนไลน์อย่างหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ ทำให้เว็บไซต์ได้รับการมองเห็นมากขึ้น จัดอันดับได้ดียิ่งขึ้นในผลการค้นหาบนหน้า Search Engine ได้ดีขึ้นโดยการเน้นทำไปที่พื้นที่ธุรกิจของเราเองหรือตามสถานที่ตั้งของธุรกิจในพื้นที่ โดยการใช้ Keyword ตามสถานที่เฉพาะ เพื่อลดความกว้างของ Keyword ลง ให้สามารถแข่งขันได้ในพื้นที่ต่าง ๆ
ถ้าหากใช้ Keyword กว้าง ๆ ก็อาจแข่งขันได้ยาก (เช่น Keyword คำว่า บริษัทรักษาความปลอดภัย ที่มี Volume การ Search ต่อเดือนสูง) ซึ่งการทำ Local SEO จะเน้นไปที่ Keyword หลักและตามด้วยพื้นที่ต่าง ๆ หรือเป็น Long-tail Keyword เช่น บริษัทรักษาความปลอดภัย ลาดพร้าว, บริษัทรับทำบัญชี ปทุมธานี หรือ ร้านอาหารจีน ภูเก็ต เป็นต้น ซึ่งเป็นคำค้นหาที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจที่มีหน้าร้านจริงและเป็นผู้ให้บริการในท้องถิ่น
ถ้าหากผมเสิร์ชคำว่า “ร้านกาแฟใกล้ฉัน” แล้วผมอยู่แถวห้าแยกลาดพร้าว ร้านกาแฟแถวห้าแยกลาดพร้าวก็จะขึ้นมา
ธุรกิจที่เหมาะกับการทำ Local SEO
เพราะ Local SEO คือการเน้นไปที่การทำ SEO เฉพาะพื้นที่ ทำให้เหมาะกับธุรกิจที่มีการให้บริการในพื้นที่ ดึงดูดลูกค้าท้องถิ่นหรือสถานที่ใกล้เคียงให้มายังสถานที่จริง หรือใช้บริการในพื้นที่
ยกตัวอย่างเช่น
- ธุรกิจที่มีหน้าร้าน : ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ฟิตเนส ร้านทำผม ร้านตัดผม ร้านขายยา คลินิกทำฟัน เป็นต้น
- ธุรกิจบริการ : บริการรับทำความสะอาด ทำสวน บริการขนย้ายของ บริการประปา ช่างไฟ ครูสอนภาษา เป็นต้น
- ธุรกิจด้านการให้คำปรึกษา : ที่ปรึกษากฎหมาย บริษัทรับทำบัญชีภาษี บริษักทางการเงิน เป็นต้น
- ธุรกิจบริการด้านการท่องเที่ยว : ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารตามสถานที่ท่องเที่ยว ธุรกิจทัวร์ เป็นต้น
Local SEO มีประโยชน์ต่อเจ้าของธุรกิจท้องถิ่นอย่างไร?
เพราะการทำ Local SEO คือเป็นกลยุทธ์การตลาดสำหรับธุรกิจท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นการลงทุนทำ SEO ที่มีประโยชน์อย่างมากต่อธุรกิจระดับท้องถิ่นที่การแข่งขันกับธุรกิจขนาดใหญ่อาจเป็นเรื่องยาก อ้างอิงข้อมูลจาก backlinko ที่เคยได้ทำสถิติไว้
กว่า 4 ใน 5 ของผู้เสิร์ช จะมีเป้าหมายการค้นหาที่เกี่ยวข้องกับท้องถิ่นหรือมีสถานที่ต่าง ๆ ต่อท้าย
ในปี 2018 ก็มีการเสิร์ชข้อมูลใน Google ด้วยการเติมระบุสถานที่ตั้งกว่า 46%
ใน Google SERP ทั้งหมด กว่า 29% จะโชว์ผลลัพธ์ที่มาในรูปแบบของสถานที่ท้องถิ่น และกว่า 76% ของผู้บริโภคที่ต้องการค้นหาสินค้าหรือร้านค้าในท้องถิ่นทางโทรศัพท์ จะเข้าชมร้านในวันนั้น
ซึ่งประโยชน์ของการทำ SEO แบบท้องที่ จะมีด้วยกันดังนี้ครับ
- เพิ่มการมองเห็นให้กับธุรกิจในพื้นที่ได้
- สามารถแข่งขันกับธุรกิจขนาดใหญ่ได้
- เพิ่มประสิทธิภาพในการขาย สร้างรายได้มากขึ้น คนเข้าร้านมากขึ้น
- สร้างฐานลูกค้าได้อย่างยั่งยืนภายในพื้นที่
- ทำให้เว็บไซต์สามารถจัดอันดับได้ดีมากยิ่งขึ้น
- สร้างความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์และธุรกิจ
- เป็นการสร้างแบรนด์รูปแบบหนึ่ง เพิ่มความน่าสนใจได้มากขึ้น
ตัวอย่างของการทำ Local SEO
เพราะการทำ Local SEO คือการใช้ Long-tail Keywords ที่มีความยาวของคำมากกว่าคำ Keyword หนึ่งคำสั้น ๆ ซึ่งการทำ Long-tail Keyword นั้นอธิบายง่าย ๆ คือจะมีความเฉพาะเจาะจงขึ้นมา โดยการเติมสถานที่ลงท้าย ตัวอย่างของการทำ นั่นคือการนำ Keyword หลักมาใช้แล้วต่อท้ายด้วยการใส่สถานที่เข้าไป (Keyword หลัก + สถานที่) เช่น
- บริษัทรับทำบัญชี (Keyword หลัก) + ปทุมธานี (สถานที่) หรือเราอาจเพิ่มตำบลเข้าไปเพื่อให้เฉพาะเจาะจงมากขึ้นได้ เช่น บริษัทรับทำบัญชี ปทุมธานี ลาดสวาย
- ร้านกาแฟ ดอยอินทนนท์
- ร้านอาหารจีน ภูเก็ต อำเภอถลาง
- ร้านถ่ายรูป เชียงราย เทิง
- ร้านเช่าชุดครุย รามคำแหง
- รีสอร์ท ปราณบุรี
- ห้องเช่า รามอินทรา 39 (เพิ่มซอย)
- คลินิกทำฟัน รามคำแหง มีนบุรี
- อู่ซ่อมรถ นครปฐม
วิธีการทำ Local SEO
ก่อนจะรู้จักวิธีการทำ Local SEO อันดับแรกคือต้องสร้างโปรไฟล์ Google Business Profile ก่อน ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก หลังจากมี Google Business Profile แล้ว เราจะมาเริ่มขั้นตอนวิธีการทำกัน ด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้ครับ
1. ปรับโปรไฟล์ Google Business Profile
ใส่ข้อมูลให้ครบถ้วน ด้วยตัวอย่างดังนี้
- Business Name หรือชื่อธุรกิจ โดยต้องมีชื่อธุรกิจและ Keyword อยู่ในนั้น (ชื่อบริษัท + Keyword) เช่น บริษัท A รับทำบัญชี
- ใส่ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และอีเมล ให้ครบถ้วน
- ใส่ชั่วโมงทำการ
- ประเภทของธุรกิจ
- เพิ่มช่องรีวิว
- รูปภาพของธุรกิจ สินค้า บริการ หรือรูปทีมงาน แนะนำว่าให้ใส่หลาย ๆ รูปและรูปภาพมีคุณภาพเพื่อดึงดูดลูกค้า
- ใส่คำอธิบายเกี่ยวกับธุรกิจ โดยจะต้องมี Keyword เกี่ยวกับธุรกิจของเราอยู่ในนั้นด้วย
2. Keyword Research
ผมขอแนะนำวิธีง่าย ๆ นั่นก็คือการใช้ Google Autocomplete เริ่มต้นด้วยการนำ Keyword หลักที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา แล้วดูคำแนะนำคำค้นหาหลัก แล้วต่อด้วยชื่อพื้นที่ของเรา ยกตัวอย่างเช่น ถ้าธุรกิจของเราเป็นธุรกิจบริษัทกำจัดปลวก เราก็พิมพ์ลงไปในช่อง Search ของ Google ว่า บริษัทกำจัดปลวก แล้วตามด้วยพื้นที่ของเรา เช่น “บริษัทกำจัดปลวก กรุงเทพ” เราจะเจอกับเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่เป็นคู่แข่งของเรา รวมถึงคอนเทนต์ต่าง ๆ ทำให้เราสามารถเปรียบเทียบกับคู่แข่งได้ และเราสามารถใช้ Google Keyword Planner ในการดูข้อมูล Keyword ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Volume, ความยากของ Keyword และข้อมูลต่าง ๆ ได้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการทำ Keyword Research ด้วยเช่นกัน
3. ปรับหน้าเว็บไซต์ให้เหมาะกับ Local SEO สร้าง Contact Page
กลยุทธ์อย่างหนึ่งของการทำ Local SEO คือการปรับ On-Page ซึ่งวิธีแรก คือการสร้างหน้า Contact Page หรือหน้าเว็บไซต์หน้าหนึ่งที่ใช้สำหรับการติดต่อ ซึ่งจะต้องมีข้อมูลต่าง ๆ เช่น ชื่อบริษัท ที่อยู่ของบริษัท ช่องทางการติดต่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเบอร์โทรศัพท์ โซเชี่ยลมีเดียช่องทางอื่น ๆ รวมถึงรูปภาพสถานที่จัดตั้งของธุรกิจ และในหน้า Contact Page นี้ เราจะนำ Long-tail Keywords ตามที่ได้อธิบายไปข้างต้นมาใช้ในการปรับหน้าเว็บไซต์หน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น Title, Heading (H1) รวมถึงเนื้อหาภายในหน้าเว็บไซต์ Contact Page นอกจากนี้ ก็ควรมีหน้า Google Map ในหน้านี้ด้วยเช่นกัน
4. ทำ Content ให้เหมาะกับธุรกิจและเว็บไซต์
การทำ Content ให้กับเว็บไซต์ของเรา นอกจากจะเป็นการอธิบายความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับธุรกิจของเราแล้ว ก็ยังส่งผลดีต่อการทำ Local SEO ให้เว็บไซต์ของเราจัดอันดับได้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งเนื้อหาของ Content จะต้องมีความเชื่อมโยงกับธุรกิจ ยกตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ของเราเป็นบริษัทรับทำบัญชี ภาษี หัวข้อของ Content ก็ต้องเกี่ยวกับเรื่องของบัญชีและภาษี เช่น “ขั้นตอนวิธีการยื่นภาษี” หรือ “ระบบบัญชี คืออะไร” เป็นต้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้ Google สามารถรับรู้ได้ว่าเราเป็น Expert หรือผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับธุรกิจของเราเอง เพิ่มความน่าเชื่อมากขึ้น และมีส่วนทำให้การจัดอันดับดีขึ้นด้วย แล้วอย่าลืมทำ Internal link หรือ ทำ Anchor Text ลิงก์ไปยังบทความอื่น ๆ ของเว็บไซต์ด้วยนะครับ
5. สร้างแหล่งอ้างอิงเกี่ยวกับธุรกิจ หรือการทำ Backlink
การทำ Off-Page สำหรับ Local SEO นั้นจะไม่ต่างจากการทำ SEO ทั่วไปเลยครับ ซึ่งกลยุทธ์การทำ Off-Page SEO นั่นคือการทำ Social Media ที่ลิงก์ไปมาระหว่างเว็บไซต์ รวมถึงการโพสต์เนื้อหาจากเว็บไซต์ลงโซเชียลมีเดียเป็นประจำ และการทำ Backlink กลับมายังเว็บไซต์ของเรา ซึ่งต้องเป็นเว็บไซต์ Backlink ที่เหมาะกับธุรกิจของเราด้วย
สรุป Local SEO
การทำ Local SEO คือเครื่องมือการตลาดอย่างหนึ่งที่จะเข้ามาช่วยให้ธุรกิจของเราได้รับการมองเห็นมากขึ้นในระดับท้องถิ่น ซึ่งรูปแบบการทำ SEO รูปแบบนี้ จะเหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กและระดับพื้นที่ อย่างไรก็ตาม การทำ Local SEO ก็ไม่ได้ง่าย และต้องได้รับการดูแลอัพเดทจากผู้เชี่ยวชาญด้านนี้อยู่เป็นประจำครับ และแน่นอน ผมเชื่อว่านักธุรกิจหลายคนไม่ได้มีเวลาว่างมานั่งดู นั่งปรับอยู่ตลอดเวลา ผมเลยอยากจะแนะนำให้ลองทำ SEO กับบริษัทรับทำ SEO ซึ่งจะเป็นตัวเลือกที่ดีตัวเลือกหนึ่งที่ช่วยให้นักธุรกิจสามารถเอาเวลาไปดูแลธุรกิจ แล้วให้เรามารับมือกับการตลาด SEO แทนจะดีกว่ามาก ๆ เลยครับ
เจ้าของบริษัทไทย วินเนอร์ ดิจิทัล จำกัด ชอบอ่านหนังสือและข่าวธุรกิจทั้งในไทยและนอกประเทศ พออ่านมาเยอะก็เลยอยากนำความรู้มาแบ่งปัน