
กลยุทธ์การทำ SEO ต้องใช้เทคนิคหลายอย่างเลยครับโดยเฉพาะในเรื่องของการทำหน้า On-Page หรือการปรับแต่งหน้าเว็บไซต์และเนื้อหาภายในหน้าเว็บของเราเพื่อให้เจ้า Search Engine สามารถรับรู้ได้ว่าเว็บของเราคืออะไร ให้มันได้เข้าใจและทำให้เว็บไซต์จัดอันดับได้ดีขึ้น ซึ่งองค์ประกอบต่างๆ ในการปรับก็มีหลายอย่างครับ ไม่ว่าจะเนื้อหา การเลือกใช้ Keyword การทำ Heading การทำ Meta Title รวมถึงการเขียน Meta description ที่สำคัญสำหรับ SEO ด้วยเช่นกัน
สำหรับคนที่กำลังเรียนรู้การทำ SEO หรือเรียนรู้การปรับ On-Page เบื้องต้น การเข้าใจและรู้วิธีเขียน Meta description นั้นถือเป็นความรู้เบื้องต้นที่สำคัญครับ เรา TWN Digital จะมาอธิบายว่า Meta description คืออะไร ทำไมจึงสำคัญต่อ SEO เขียนอย่างไรให้ถูกหลักพร้อมยกตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจกันได้ง่ายๆ ครับ
Meta description คืออะไร
Meta description คือคำอธิบายสั้นๆ หรือเป็นประโยคอธิบายย่อเกี่ยวกับเนื้อหาในหน้าเว็บไซต์ โดยจะเป็นรูปแบบที่เขียนเป็น HTML tag เพื่อให้ Search Engine สามารถเข้าใจได้ว่าในหน้านั้นๆ มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร และยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าใจเนื้อหาสั้นๆ ใต้ Title tag ก่อนที่จะคลิกเข้าไปยังเว็บไซต์นั้นๆ ด้วยเช่นกัน สามารถส่งผลดีต่อ Click-Through Rate (CTR) ของเว็บไซต์ได้
การเขียน Meta description สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำ SEO ได้ เพราะจะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจของผู้ใช้ในการคลิกเข้ามายังเว็บไซต์ของเรา เป็นการทำ SEO เชิงเนื้อหาและ Technical อย่างหนึ่งที่ต้องเข้าใจครับ
หน้าตา HTML tag ของ Meta description
<meta name=”description” content=”เนื้อหา Meta description หรือคำอธิบายหน้าเว็บไซต์”>
Meta description ทำไมจึงสำคัญต่อ SEO
เพราะ Meta description คือข้อความสั้นๆ ที่จะอธิบายเนื้อหาให้ทั้ง Search engine และผู้ใช้งานได้เข้าใจเกี่ยวกับเว็บเพจนั้นๆ แม้ว่าการเขียน Meta description นั้นอาจไม่ได้มีส่วนสำคัญในการจัดอันดับเหมือนกับเทคนิคอื่นๆ แต่จะเป็นส่วนสำคัญอย่างมากครับต่อการทำ SEO ด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น
- เพื่อประสบการณ์ที่ดีของผู้ใช้งาน (UX) – เพราะการเขียน Meta description ที่ดีและตอบโจทย์ผู้ใช้งาน จะช่วยมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งานได้ ช่วยให้เข้าใจภาพรวมของเนื้อหาได้ ดึงดูดผู้ที่สนใจในเว็บเพจหรือเนื้อหาบทความของเราจริงๆ และมีส่วนสำคัญในการสร้าง Trust หรือความน่าเชื่อถือให้กับเว็บไซต์ของเรา
- เพื่อให้ตรงตาม Search Intent ของผู้ใช้งาน – การเขียน Meta description ที่ตรงตามความตั้งใจหรือจุดประสงค์ของผู้ค้นหา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการเข้าถึงเว็บไซต์ ความต้องการข้อมูลหรือหาคำตอบ ความต้องการในตัวสินค้า หรือการหาข้อมูลเพื่อตัดสินใจในการซื้อ จะช่วยให้เว็บเพจหรือหน้านั้นๆ ตรงใจคนค้นหามากขึ้น
- มีส่วนช่วยเพิ่ม CTR – เพราะการเขียนข้อความอธิบายที่น่าสนใจ น่าดึงดูด ตรงกับ Search Intent ของผู้ใช้งาน จะสร้างความโดดเด่นและกระตุ้นให้คนคลิกเข้ามา เลยทำให้ช่วยเพิ่มอัตราการคลิกเข้าสู่เว็บไซต์ได้นั่นเองครับ
Meta description กับ Excerpt ต่างกันอย่างไร
จริงๆ แล้ว Meta description กับ Excerpt (ประโยคสรุปในเนื้อหาจริง แสดงบนหน้าเว็บไซต์ของตัวเราเอง) อธิบายง่ายๆ ให้เข้าใจ ตามนี้ครับ
Meta description
- ใช้สำหรับ SEO และผลการค้นหา
- เขียนขึ้นมาเพื่อดึงดูดผู้ใช้ให้คลิก
- ต้องเขียนเอง ไม่ใช่ตัดมาจากเนื้อหา
Excerpt
- ใช้แสดงบนเว็บไซต์เอง
- อาจตัดมาจากเนื้อหาจริงหรือเขียนแยกต่างหากก็ได้เช่นกัน
- มักใช้ในหน้าแรก หน้าหมวดหมู่ หรือหน้า Blogs บทความ
เขียน Meta description อย่างไรให้ถูกหลัก SEO
เพราะการเขียน Meta description คือส่วนเติมเต็มสำหรับการทำ SEO สูตรการเขียน Meta description ที่ดี จะมีด้วยกันดังนี้ครับ
- เขียนให้มีความยาวตัวอักษรระหว่าง 120-160 ตัวอักษร เพราะ Search Engine หรือในหน้าค้นหาจะแสดงผลลัพธ์แบบพอดี ถ้าหากเกินจะถูกตัดเนื้อหาและจะมี … ต่อท้าย ทำให้คำอธิบายของเราดูไม่สมบูรณ์ครับ
- ใส่ Keyword หลักอยู่ใน Meta description ด้วย เพราะในหน้า Search Engine ถ้าหากเราใส่ Keyword หลักเข้าใจ และเป็นคำที่ผู้ใช้ค้นหา Keyword นั้นจะเป็นตัวหนาหรือเป็นสีที่โดดเด่น ทำให้ผลการค้นหาที่เป็นเว็บไซต์เราดูโดดเด่นขึ้นมาด้วย ไม่ว่าจะเป็น Generic Keyword หรือ Long tail Keyword ก็ควรใส่เช่นกันครับ
- เขียนให้ดึงดูด น่าสนใจ โดยเขียนให้เนื้อหาของเรามีความชัดเจน กระชับ ให้ผู้อ่านได้ประโยชน์และดึงดูดให้คนคลิกเข้ามายังเว็บไซต์ของเรา ไม่เขียนแบบยืดยาวมากเกินไปเพื่อไม่ให้เนื้อหาขาดไปหรือไม่แสดง Keyword หลักในหน้า Meta description
- อาจใส่คำ CTA เข้ามาด้วย โดยการเพิ่มคำประเภท “เรียนรู้เพิ่มเติม” “ดูรายละเอียดเพิ่มเติม” “รับใบเสนอราคาฟรี” “ทดลองใช้ฟรี” เป็นต้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเนื้อหาในเว็บเพจนั้นๆ ด้วยครับ ไม่จำเป็นต้องใส่ทุกหน้าเสมอไป
ตัวอย่างการเขียน Meta description ที่ดี
- วิธีติดตั้ง WordPress ง่ายๆ ใน 5 ขั้นตอน ไม่ต้องใช้โค้ด สำหรับมือใหม่ พร้อมภาพประกอบทุกขั้นตอน
- วิธีทำพิซซ่าแป้งบาง สูตรง่ายๆ ทำได้ที่บ้าน ใช้เวลาแค่ 30 นาที พร้อมเคล็ดลับจากเชฟมืออาชีพ
- เรียนรู้ Long Tail Keyword ว่าคืออะไร ต่างจาก Keyword ทั่วไปอย่างไร สำคัญกับการทำ SEO อย่างไร พร้อมวิธีค้นหา Keyword
- ไม่มีเวลาทำความสะอาด ให้บริการทำความสะอาดครบวงจรโดยทีมงานมืออาชีพ เพื่อความสะอาดเหมือนใหม่ จองคิวง่ายๆ ผ่านออนไลน์ รับส่วนลด 15% ทันที
เสื้อผ้าแฟชั่นดีไซน์เรียบหรู ผลิตจากวัสดุธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สัมผัสคอลเลกชันใหม่ล่าสุดได้ที่นี่
สิ่งที่ควรใส่ใจก็คือเรื่องของการเขียน Meta Description
- ใส่คีย์เวิร์ดหลักอย่างเป็นธรรมชาติ: ควรมีคำค้นหาหลักที่คนจะใช้ค้นหาหน้านั้นๆ อยู่ในประโยค
- ไม่ต้องใส่ชื่อแบรนด์ซ้ำ: ถ้าชื่อแบรนด์ปรากฏใน Title (หัวข้อ) แล้ว ไม่จำเป็นต้องใส่ใน Meta Description อีก เพื่อประหยัดพื้นที่
- เขียนให้เหมือนบทสนทนา: ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย อ่านแล้วลื่นไหล
- ความยาว: ใช้เครื่องมือนับตัวอักษรเพื่อให้แน่ใจว่าข้อความจะไม่ถูกตัดกลางคันเมื่อแสดงผลบน Google
สิ่งที่ควรเลี่ยงเมื่อเขียน Meta description
นอกจากการรู้ว่าสิ่งที่ควรเขียน Meta description คืออะไรแล้ว ก็ต้องรู้สิ่งที่ควรเลี่ยงด้วยครับ ยกตัวอย่างเช่น
- การยัด Keyword หรือ Keyword Stuffing – เป็นการใส่ Keyword ซ้ำๆ แบบไม่สนใจ Keyword Density เพราะหวังว่าจะช่วยให้จัดอันดับได้ดีขึ้น แต่ในปัจจุบัน Search Engine ฉลาดขึ้นมากและจะมองว่าสิ่งนี้คือการสแปมครับ แถมยังอ่านไม่รู้เรื่องและดูไม่เป็นธรรมชาติด้วยเช่นกัน
- ควรเลี่ยงใช้ Meta description ซ้ำทุกหน้า – แต่ละหน้าควรเขียน Meta description แยกกัน เช่น หน้าแรก, เกี่ยวกับเรา, หน้าขายสินค้าหรือบริการ, สินค้าแต่ละชนิดรวมถึงหน้าบริการ เพราะการเขียนซ้ำอาจทำให้ Search Engine สับสนได้ครับ
- ไม่ควรยาวหรือสั้นจนเกินไป – เพราะข้อความจะถูกตัดเป็น … ทำให้เห็นข้อมูลไม่ครบ และถ้าหากเขียนสั้นเกินไปก็อาจไม่ดึงดูดพอที่จะให้ผู้ใช้กดเข้ามาดู
- เขียนเนื้อหาที่ไม่เป็นความจริง – เราเชื่อว่าหลายคนอยากให้มันดูดึงดูดครับ แต่ถ้าหากเนื้อหาที่ว่าไม่เป็นความจริงหรือเป็นการหลอกลวง (เช่น การแจกของฟรี หรือบริการที่เกินจริง) ก็จะทำลายความน่าเชื่อถือ ทำให้เว็บไซต์ไม่มีคุณภาพ หากปล่อยไว้ในระยะยาวก็ไม่ดีแน่ๆ ครับ
ไม่ใส่ Meta description จะเป็นอะไรไหม
ถ้าหากไม่ใส่ Meta description ทาง Search Engine จะดึงข้อความจากหน้าเว็บมาแสดงแทน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะเป็นข้อความที่ไม่ปะติดปะต่อและอาจเป็นข้อความที่ไม่ตอบโจทย์ผู้ค้นหา โดยเฉพาะในหน้าสำคัญๆ อย่างหน้าบริการหรือหน้าขายสินค้า เพราะฉะนั้น เราควรใส่ครับ ไม่ควรปล่อยว่าง
เครื่องมือเสริมเช็ค Meta description
การตรวจเช็ค Meta description สามารถทำได้ง่ายๆ โดยการติดตั้ง Plugins ต่างๆ บน WordPress เช่น
Yoast SEO: ปลั๊กอิน WordPress ที่เน้นการวิเคราะห์และปรับแต่ง SEO บนหน้าเว็บ (On-page SEO) และความอ่านง่ายของเนื้อหา มีชื่อเสียงและใช้งานง่ายสำหรับผู้เริ่มต้น แต่ถ้าอยากได้ฟีเจอร์ระดับ Premium ก็จะมีค่าใช้จ่ายครับ


Rank Math: ปลั๊กอิน WordPress ที่มีฟีเจอร์ SEO ครบครันกว่าในเวอร์ชันฟรี รวมถึงการติดตามอันดับ Keyword และ Schema Markup มี Interface ที่ทันสมัยและ AI Features (ในเวอร์ชัน Pro)


All in One SEO Pack (AIOSEO): ปลั๊กอิน WordPress เก่าแก่ที่มีฟีเจอร์ SEO พื้นฐานและขั้นสูงครบถ้วน ใช้งานง่าย มี Setup Wizard ช่วยในการตั้งค่า
นอกจากนี้ สำหรับเว็บไซต์ WIX ก็จะมีเครื่องมือสำหรับดู Meta description ได้เช่นกันครับ
Wix: แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปที่มีเครื่องมือ SEO ในตัว ใช้งานง่ายด้วยระบบลากและวาง เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น แต่มีความยืดหยุ่นในการปรับแต่ง SEO ขั้นสูงน้อยกว่า WordPress
สรุป
Meta description คือส่วนเติมสำหรับการทำ SEO บน On-Page อย่างหนึ่งที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นส่วนสำคัญสำหรับการติดอันดับ แต่จะจำเป็นอย่างมากในการทำให้ทั้ง Search Engine และผู้ใช้งานสามารถรับรู้หรือเข้าใจได้ว่าหน้าเว็บเพจที่เราทำออกมานั้นคืออะไร การเขียน Meta description ให้น่าดึงดูดเลยเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ครับ
เรา TWN Digital เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการทำ SEO ที่เข้าใจรูปแบบธุรกิจที่หลากหลายของลูกค้า ซึ่งเราเองมีความเชี่ยวชาญและผ่านประสบการณ์การบริการ SEO อย่างหลากหลายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นคลินิกเสริมความงาม อาหารเสริม เครื่องมือวิทยาศาสตร์ เครื่องมืออุตสาหกรรม อุตสาหกรรมเหล็ก บริการทางการแพทย์ และธุรกิจอีกหลายรูปแบบ หากสนใจอยากให้เราวิเคราะห์เว็บไซต์ของคุณ สามารถติดต่อได้โดยการ คลิกที่นี่ หรือกรอกแบบฟอร์มข้างล่างนี้ได้เลยครับ

เจ้าของบริษัทไทย วินเนอร์ ดิจิทัล จำกัด ชอบอ่านหนังสือและข่าวธุรกิจทั้งในไทยและนอกประเทศ พออ่านมาเยอะก็เลยอยากนำความรู้มาแบ่งปัน