
ปัจจัยในการทำ SEO ให้ติดอันดับปัจจัยหนึ่งคือความเข้าใจเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่เรากำลังทำอยู่ เว็บไซต์ของเรามี Domain Authority เท่าไหร่? เป็นเว็บไซต์ใหม่หรือเว็บไซต์ที่เปิดมานานแล้ว? มีระบบหลังบ้านแข็งแรงแค่ไหน? และที่สำคัญคือ เราจะใช้ Keyword อะไรให้เหมาะกับเว็บไซต์ของเรา? ปัจจัยหนึ่งที่จะเข้ามาช่วยให้เราตัดสินใจว่าควรเน้น Keyword อะไรหรือ Keyword แบบไหนให้เหมาะกับเว็บไซต์นั้นๆ ก็คือการรู้จัก Search Volume แล้วเจ้าตัว Volume นี้ คืออะไร มันบอกอะไรเราได้บ้าง สำคัญกับการทำ SEO อย่างไร เลือก Volume แบบไหนให้เหมาะกับเว็บไซต์ เรา TWN Digital จะอธิบายให้เข้าใจครับ
Search Volume คืออะไร
Search Volume คือจำนวนครั้งที่ Keyword นั้นๆ ถูกค้นหาบน Search Engine (เช่น Google) ภายในระยะเวลาที่เรากำหนด โดยปกติมักจะแสดงตัวเลขในระยะเวลา 1-3 เดือน โดยจะบอกเราเป็นตัวเลขกลมๆ ตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักล้าน โดยจะเป็นตัวเลขที่ทำให้เราเข้าใจความนิยมของ Keyword นั้นๆ ซึ่งสำคัญอย่างมากสำหรับการทำ SEO และการทำ SEM ยิ่งตัวเลข Volume สูงมาก ก็เท่ากับว่ามีผู้คนเสิร์ชคำๆ นั้นมากเท่านั้น
Search Volume ทำให้เราเข้าใจอะไรได้บ้าง
ทำให้เข้าใจความนิยมของ Keyword ยิ่งมี Volume สูง ก็เท่ากับว่ามีความนิยมและคนให้ความสนใจ
ทำให้เราเข้าใจการแข่งขันหรือ Keyword Difficulty เพราะยิ่ง Keyword ที่มี Search Volume สูง ก็จะมีส่วนสำคัญทำให้เรา Keyword Difficulty สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
ทำให้เราเข้าใจ Trend การค้นหาในแต่ละช่วงเวลาได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นในช่วงเทศกาลตรุษจีน คนจะค้นหา Keyword ที่เกี่ยวกับเทศกาลตรุษจีนกันมากขึ้น
ทำให้เราประเมินกลุ่มเป้าหมายได้ โดยการใช้ Keyword ที่มี Volume สูงในการพัฒนา SEO ของเว็บไซต์ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกเว็บไซต์ที่สามารถแข่งขัน Keyword ที่มี Volume สูงมากๆ ได้ จำเป็นต้องศึกษาการใช้ Keyword ที่มี Volume เหมาะสมกับเว็บไซต์
Search Volume สำคัญกับการทำ SEO อย่างไรบ้าง
Search Volume สำคัญกับการทำ SEO มากครับ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Volume ของ Keyword จะช่วยให้เราสามารถวางกลยุทธ์การทำ SEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหตุผลความสำคัญส่วนใหญ่ที่ผ่านจากประสบการณ์ของเราโดยตรง จะมีดังนี้ครับ
ช่วยทำ Keyword research
ตัว Search Volume นี้จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ว่ากลุ่มเป้าหมายของเรามีเยอะหรือน้อย และ Keyword แบบไหนที่เหมาะกับเว็บไซต์ของเรามากที่สุด แต่บางครั้ง คีย์เวิร์ดที่มี Search Volume สูงมากๆ อาจมีการแข่งขันสูงเช่นกัน การทำ Keyword Research ที่ดี คือการกระจาย Keyword ให้เหมาะสมระหว่าง Keyword ที่มี Volume สูง กลาง และต่ำ และทำการวิเคราะห์ว่าเว็บไซต์ของเราเหมาะกับ Keyword Volume แบบไหนมากกว่ากัน
หากเป็นเว็บไซต์ที่อยู่ในตลาดมานาน สามารถสู้กับเว็บไซต์อื่นๆ ที่ติดอันดับต้นๆ ได้ ก็สามารถเน้น Keyword ที่มี Volume สูงๆ ได้ หากเป็นเว็บไซต์ใหม่ มี Domain Authority ยังน้อย หรือเป็นเว็บไซต์ที่ยังไม่สามารถแข่งขันกับเว็บไซต์อันดับต้นๆ ได้ ก็ควรเลือกใช้ Keyword ที่มี Volume ต่ำจนถึงปานกลางที่มีการแข็งขันต่ำกว่าก่อน หรือเลือกทำ Long Tail Keyword เพื่อให้สามารถจัดอันดับได้ก่อน และพัฒนา SEO เพิ่ม เพื่อยกระดับให้แข่งขันกับอันดับต้นๆ ได้
ช่วยวิเคราะห์คู่แข่ง วิเคราะห์การแข่งขัน
Keyword ที่มี Volume สูง มักจะมีการแข่งขันสูงตามไปด้วย หาก Keyword นั้นมี Volume ที่สูงมาก แต่คู่แข่งที่ติดอันดับไม่ได้มีเนื้อหาที่ดีเยี่ยม ก็อาจเป็นโอกาสสำหรับคุณในการสร้างเนื้อหาที่ดีกว่าเพื่อแย่งชิงอันดับได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม การที่เว็บไซต์มี Domain Authority น้อย ก็ควรเลือกใช้ Keyword ที่มี Volume น้อยถึงปานกลางในการแข่งขันก่อนอยู่ดีครับ เหมือนเป็นการปั้นตัวเองเป็นขั้นตอนก่อน แล้วค่อยไปแข่งกับเจ้าใหญ่ๆ ในอนาคต
ช่วยวางแผนการปรับ SEO บนเว็บไซต์
หลังจากที่เราได้เริ่มปรับปรุง SEO โดยใช้คีย์เวิร์ดที่มี Search Volume ที่เลือกไว้ไปบ้างแล้ว เราก็สามารถติดตามได้ว่าอันดับของเว็บไซต์ในคีย์เวิร์ดนั้นๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง ดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน หากอันดับดีขึ้นและ Traffic เพิ่มขึ้น ก็แสดงว่ากลยุทธ์ของที่เราทำไปก็ออกผล หากไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ อาจต้องกลับมาพิจารณา Search Volume ของคีย์เวิร์ดอื่นๆ หรือปรับปรุงเนื้อหาให้ดีขึ้น
ช่วยสำหรับการสร้าง Content หรือบทความ SEO
Content เป็นส่วนสำคัญมากในการทำ SEO ให้ติดอันดับ เพราะเป็นเหมือนตัวชูโรงว่าเราเป็นผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจของเราจริงๆ การทำ Content สำหรับ SEO ที่ดี เราก็จำเป็นต้องรู้ Volume ของ Keyword ที่เราจะทำ Content แต่ต้องเป็น Keyword ที่เกี่ยวกับธุรกิจหรือเว็บไซต์ของเราด้วยนะครับ และต้องเป็นเนื้อหาที่ดี มีประสิทธิภาพ คนอ่านหรือดูได้ความรู้ ความเข้าใจด้วยเช่นกัน
Search Volume เลือกอย่างไรให้เหมาะกับเว็บไซต์ และจุดประสงค์
ยิ่ง Search Volume สูง ก็ยิ่งมีการแข่งขันสูงครับ เพราะฉะนั้นแล้ว การวางกลยุทธ์ SEO จะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ มากมาย แนวทางการเลือก Keyword อ้างอิงจาก Volume จะมีด้วยกันดังนี้ครับ
อายุของเว็บไซต์และ Domain Authority
หากเป็นเว็บไซต์ใหม่หรือมี Domain Authority ต่ำ ควรเน้น Keyword ที่มี Volume ต่ำถึงปานกลางก่อน หรือเน้นทำ Long Tail Keyword เพราะเว็บไซต์ใหม่ๆ ที่มี Domain Authority ต่ำ จะยังไปแข่งกับเว็บไซต์ที่เปิดมานานแล้วหรือมี Domain Authority สูงๆ ไม่ได้ครับ ทำให้เราต้องเลือกแข่งขันใน Volume ที่น้อยๆ ก่อน เพราะการแข่งขันไม่สูงเท่า และการเลือกทำ Keyword ที่มี Volume น้อยถึงปานกลาง จะทำให้มีโอกาสติดอันดับได้ดีกว่าแน่นอน โดยส่วนใหญ่แล้วจะมี Volume ตั้งแต่หลัก 10 จนถึง 1500 ต่อเดือน
หากเป็นเว็บไซต์ที่เปิดมานานและมี Domain Authority สูง ก็ควรเล่น Keyword ที่มี Volume สูง และพยายามปรับและพัฒนาตลอดเพื่อให้แข่งขันให้ติดอันดับต้นๆ ได้
เข้าใจ Volume อย่างเดียวไม่ได้ ต้องเข้าใจ Search Intent และ Keyword Difficulty ด้วย
Search Intent คือเจตนาหรือความตั้งใจของผู้ค้นหา แน่นอนว่าความเข้าใจ Volume เป็นสิ่งสำคัญ แต่ต้องรู้ Search Intent ด้วย ถ้าเรารู้แค่ Volume หรือทำ Keyword ที่มี Volume สูงแค่ไหน ถ้าไม่รู้เจตนาของผู้ค้นหาว่าลูกค้าต้องการอะไร เป็นการหาข้อมูลเนื้อหา การค้นหาแบรนด์ ความต้องการซื้อ หรือการเปรียบเทียบสินค้าหรือบริการ การเข้าใจ Volume ก็จะไม่มีประโยชน์ทันทีครับ
นอกจากนี้ Keyword Difficulty ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะบาง Keyword อาจมี Volume ระดับปานกลาง แต่อาจมี Keyword Difficulty ที่ต่ำมาก ก็อาจสามารถใช้ Keyword นั้นในการทำ SEO ได้ เพราะฉะนั้น ดูแค่ Volume อย่างเดียวไม่พอแน่ๆ ครับ
วิธีดู Search Volume
หลายคนก็จะมีคำถามตามมาว่า เราจะมีวิธีดู Search Volume อย่างไรบ้าง เครื่องมือไหนที่จะเข้ามาช่วยเราตรงนี้ เราสามารถเลือกใช้เครื่องมือต่างๆ ได้ ดังนี้ครับ
Google Keyword Planner
เครื่องมือของ Google สำหรับหาไอเดียคีย์เวิร์ดและดูปริมาณการค้นหาข้อมูลจาก Google โดยตรง, ฟรี (ต้องมีบัญชี Google Ads) อาจแสดง Search Volume เป็นช่วงกว้างๆ หากไม่ลงโฆษณา
Ubersuggest
เครื่องมือ SEO All-in-one ของ Neil Patel ใช้งานง่าย, ดู Search Volume, ความยากคีย์เวิร์ด, ไอเดียเนื้อหา เวอร์ชันฟรีจำกัดจำนวนครั้งการใช้งานต่อวัน
Google Trends
เครื่องมือของ Google สำหรับดูแนวโน้มความนิยมของคำค้นหา ดูเทรนด์ความสนใจในช่วงเวลาต่างๆ, เปรียบเทียบคำค้นหาได้ ไม่ได้แสดง Search Volume เป็นตัวเลขที่แน่นอน
Ahrefs
เครื่องมือ SEO ระดับท็อป เน้นการวิเคราะห์ Backlink และคีย์เวิร์ด ข้อมูล Search Volume, ความยากคีย์เวิร์ด, ไอเดียคีย์เวิร์ด, วิเคราะห์คู่แข่งและ Backlink ได้ละเอียด ผู้ที่จริงจังกับการทำ SEO, วิเคราะห์เชิงลึก
SEMrush
เครื่องมือ SEO และการตลาดออนไลน์ที่ครอบคลุม ดู Search Volume, ความยากคีย์เวิร์ด, Intent, วิเคราะห์คู่แข่ง, โฆษณา, Social Media ผู้ที่ต้องการเครื่องมือครบวงจรสำหรับการตลาดดิจิทัล
Moz Keyword Explorer
ส่วนหนึ่งของชุดเครื่องมือ SEO ของ Moz ดู Search Volume, ความยากคีย์เวิร์ด, CTR คาดการณ์, และค่า “Priority” ที่ช่วยจัดลำดับคีย์เวิร์ด ผู้ที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกพร้อมคะแนนที่ช่วยตัดสินใจ
Search Volume ของ Keyword ต้องเลือกใช้ให้เหมาะกับเว็บไซต์
Search Volume คือตัวเลขที่จะทำให้เราเข้าใจการเลือกใช้ Keyword ให้เหมาะกับเว็บไซต์มากขึ้น อย่างไรก็ตาม การรู้จักแค่นี้ไม่พอกับการทำ SEO ครับ จำไว้ว่า Search Volume ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ต้องดู เราต้องดู Keyword Difficulty และ Search Intent ควบคู่ไปด้วยเสมอครับ
เรา TWN Digital เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญด้านการทำ SEO ที่เข้าใจรูปแบบธุรกิจที่หลากหลายของลูกค้า ซึ่งเราเองมีความเชี่ยวชาญและผ่านประสบการณ์การบริการ SEO อย่างหลากหลายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นคลินิกเสริมความงาม อาหารเสริม เครื่องมือวิทยาศาสตร์ เครื่องมืออุตสาหกรรม อุตสาหกรรมเหล็ก บริการทางการแพทย์ และธุรกิจอีกหลายรูปแบบ หากสนใจอยากให้เราวิเคราะห์เว็บไซต์ของคุณ สามารถติดต่อได้โดยการ คลิกที่นี่ หรือกรอกแบบฟอร์มข้างล่างนี้ได้เลยครับ

เจ้าของบริษัทไทย วินเนอร์ ดิจิทัล จำกัด ชอบอ่านหนังสือและข่าวธุรกิจทั้งในไทยและนอกประเทศ พออ่านมาเยอะก็เลยอยากนำความรู้มาแบ่งปัน